Clause มีอยู่ 2
ประเภท ดังนี้
Independent Clause = หรือ Simple Sentence (ประโยคอย่างง่าย)
ซึ่งก็คือ Clause ที่อยู่โดดๆ ได้ อ่านรู้เรื่อง
ซึ่งตัวมันเองก็ถือว่าเป็นประโยคแล้ว มี Subject และ
Verb ที่แสดงความหมายโดยสมบูรณ์ เช่น It was
raining hard. (ฝนกำลังตกหนัก แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว)
Dependent Clause = Clause ที่อยู่โดดๆ ไม่ได้ ต้องมี Clause
อื่นอยู่ด้วยจึงจะประกอบกันเป็นประโยคที่อ่านรู้เรื่อง เช่น When
we were in Bangkok เช่น เมื่อเราอยู่ที่กรุงเทพ เราชอบไปเที่ยวห้างมาก
เป็นต้น)
ประโยคความรวม (Compound Sentence)
เกิดจากการรวมกันระหว่าง Independent
Clause 2 ตัวขึ้นไป ซึ่งเราจะใช้ Coordinating
conjunctions ต่อไปนี้ในการรวมประโยค
Coordinating conjunctions
For (เพราะว่า), And (และ)
, Nor (และแบบปฏิเสธ), But (แต่),
Or (หรือ), Yet (แต่), So (ดังนั้น)
หรือ FANBOYS
โดยคั่นประโยคด้วย “, (คอมม่า)”
ตามด้วยคำสันธาน แต่ว่าถ้าประโยคสั้นๆ ก็ไม่ต้องใส่คอมม่าก็ได้ โดยที่ Coordinating
conjunctions จะเชื่อมคำหรือประโยคที่มีหน้าที่แบบเดียวกัน
หรือมี tense แบบเดียวกัน เรียกว่า โครงสร้างขนาน (parallel
structure)
The children are energetic and noisy. = adjective + adjective
She bought a skirt and a blouse. = noun + noun
He walked slowly and confidently to the witness stand. = adverb + adverb
Swimming and hiking are my favorite summer activities. = gerund + gerund
คำสันธานคู่ (ใช้โครงสร้าง Parallel เช่นกัน)
Both…and (ทั้ง.. และ…) + V พหูพจน์
=> Both my mother and my sister are here.
Not only…but also (ไม่เพียง…. แต่ … ก็ด้วย) + V ตามตัวหลัง
=> Not only my mother but also my sister is here.
Either…or (อย่างใดอย่างหนึ่ง) + V ตามตัวหลัง
=> I’ll take either chemistry or physics next semester.
Neither nor… (ไม่ทั้งคู่) + V ตามตัวหลัง
=> Neither my sister nor my parents are here.
Transitions
Transition ใช้ร่วมกับเครื่องหมาย “; semicolon” (หรือจะใช้เครื่องหมาย
. แทนก็ได้) เพื่อบ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2
ประโยคให้ชัดยิ่งขึ้น
โดยจะใช้รูปแบบ ==> ประโยค 1 ; transitions, ประโยค2. หรือ ประโยค 1. Transitions, ประโยค2
Result: as a result, consequently, therefore, thus
Contrast : however, on the other hand, nonetheless,
nevertheless
Time: before that, after that, meanwhile, afterward, first
Addition: moreover, furthermore, in addition
Condition: otherwise
Exemplification: for example, for instance
เช่น
His first class begins at 8 AM; therefore, he leaves home at
7:30 AM to get there on time. <= ถ้าใช้ semicolon ก็ควรตามด้วยตัวพิมพ์เล็ก
เพราะยังไม่จบประโยค
The tornado destroyed the entire town. However, no one was
killed. <== ถ้าใช้ period. ต้องตามด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
เพราะจบประโยคแล้ว
อย่างไรก็ตาม เราสามารถโยค Transitions มาไว้ในประโยคก็ได้ แต่จะขั้นด้วย comma แทน
เช่น
The president promised a quick victory. Victory, however,
was not easily won.
ประโยคความซ้อน (Complex Sentence)
เป็นการรวม Independent Clause และ
Dependent Clause เข้าด้วยกัน ด้วย Subordinating
conjunctions เช่น Adverb Clause และ
Adjective Clause
Adverb Clause
เราจะรวม Adverb Clause ซึ่งถือว่าเป็น
Dependent Clause เข้ากับ Independent Clause ด้วยเครื่องหมาย
“,คอมม่า”
While I was walking home, it began to rain.
หรือถ้าสับที่ ก็ไม่ต้องมีคอมม่าแล้ว =>
It began to rain while I was walking home,
คำที่ใช้ขึ้นต้น Adverb Clause
time (เวลา): before, after, as soon as,
since, until, while, whenever
reason (เหตุผล): as, because, since
condition (เงื่อนไข): as if, even if, if, unless
contrast (ขัดแย้ง): although, even though,
despite the fact that, whereas
purpose (บอกจุดประสงค์) : in order that, so
that
manner : as if, as though
เช่น Although Jay has a Master’s
degree, he works as a store clerk.
If Clause ประโยคเงื่อนไข
มีอยู่ 3
รูปแบบ คือ
เป็นไปได้จริง เป็นเหตุเป็นผล: If
present simple, future simple
เช่น If it rains tomorrow, I will stay
at home. (ถ้าฝนตก เราจะอยู่บ้าน <= เป็นเรื่องที่ทำได้)
บอกเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือสมมติเหตุการณ์อีกแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้น:
if past simple, would + simple
เช่น If I were you , I would go to
study abroad. (แบบนี้ จะใช้ were แทน
was ด้วย แม้จะเป็นประธานเอกพจน์)
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตรงข้ามกับความจริงในในอดีต: if past perfect, would have + V3
เช่น If I had found her address, I
would have sent her an invitation.
Adjective Clause
Adjective Clause ก็คือ Dependent Clause ที่ทำหน้าที่ขยายนาม
(ซึ่งตัวมันก็คือ Adjective) ในภาษาไทยก็เทียบได้กับคำว่า ซึ่ง….
ที่….. เช่น คนที่ฉันเจอเมื่อวาน ชอบกินกบ เป็นต้น ซึ่งถ้าเรารู้วิธีใช้คำพวกนี้
เราก็จะสามารถใช้ประโยคที่ซับซ้อนขึ้นได้
คำที่สามารถใช้ได้ มีดังนี้
Relative pronouns เช่น who ใช้กับคน,
which ใช้กับสิ่งของ, that ใช้ได้ทั้งคนและสิ่งของ,
whose แสดงความเป็นเข้าของ, where ใช้กับสถานที่,
when ใช้กับเวลา, whom ใช้กับคนที่เป็นกรรม
(แต่เดี๋ยวนี้ก็ใช้ who เหมือนกัน)
เช่น
I thank the woman. +She helped me => I thanked the woman
who helped me (ขยาย woman)
The book is mine + It is on the table => The book that is
on the table is mine (ขยาย book)
I know the man + His bicycle was stolen => I know the man
whose bicycle was stolen.
ถ้าใช้ which, that, who, and whom ขยายกรรมเราสามารถละที่จะไม่พูดได้
เช่น
The man was Mr. Jones. + I saw him. => The man who(m) I
saw was Mr. Jones. => The man I saw was Mr. Jones.
ถ้าใช้ขยายกรรมที่ต่อจาก preposition เราต้องเก็บ
preposition เอาไว้ด้วย เช่น
The music was good + We listened to it last night => The
music to which we listened last night was good หรือ The music which we
listened to last night was good => The music we listened to last night was
good
การลดรูป Adjective Clause ( Reduced
Adjective Clause)
ถ้ามี verb to be ให้ตัด
Relative pronouns และ V to be ออกเช่น
The car which is left on the street is broken. (Adjective
clause)
–>The car left on the street is broken. (Adjective phrase)
The man, who was waiting for you, comes from Arizona.
–>The man, waiting for you, comes from Arizona.
ถ้าไม่มี Verb to be ให้ตัด
Relative pronouns ออกและเปลี่ยน Verb ให้เป็นรูป
Ving เช่น
The man who came yesterday knows how to repair the faucet. ลดเป็น
–>The man coming yesterday knows how to repair the
faucet.
ในทางกลับกัน ถ้าเราเห็นประโยคที่ลดรูปไปแล้ว
เราก็จะเข้าใจมากขึ้นว่ามันมาจากไหน เช่น
The teacher punishes anyone breaking the rules. (=…anyone
who breaks rules.)
I live in a building having forty storeys. (=….building which
has forty…)
The house painted in red is where John lives. (= The house
which is painted in red….)
People invited are expected to be formally dressed for the
occasion. (= People who are invited …..)
Noun Clause
Noun Clause ก็คือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม
อาจจะใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยคก็ได้
Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วยคำสร้างคำถาม เช่น When,
Where, Why, How, Who, What, Which, Whose
(สังเกตว่าจะไม่มีการสับ verb ช่วย
มาไว้ข้างหน้าเหมือนประโยคคำถาม เช่น where she is. ไม่ใช่
where is she?)
I don’t know where she lives. (where she lives เป็น
Noun clause ทำหน้าที่เป็นกรรมของกิริยา know)
Please tell me what happened.
What she said surprised me.
Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Whether หรือ
if ซึ่ง ใช้เมื่อเมื่อคำตอบเป็นได้ 2
แบบ คือ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวกับ if clause นะครับ
I don’t know whether she will come[or not]. (ใช้
if แทน whether ได้เลย
แต่จะออกเป็นภาษาพูดมากกว่า)
หรือจะสลับที่ I don’t know whether or
not she will come.
Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย That (เป็นแบบที่เจอบ่อยพอสมควร)
I think that he is a good actor (เป็นกรรม)
การแปลง Quoted Speech ==> Reported
Speech
She said, “I watch TV every day.” ==> She said (that) she
watched TV every day
[ ต้องเปลี่ยน I ในประโยคคำพูดให้เป็น
She และเปลี่ยน Tense ให้กลายเป็นเหมือน
She said (Past Simple) ด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าในประโยคเป็นเรื่องจริงทั่วไป
ก็ใช้เป็น Present simple ได้ เช่น She said that the
world is round ]
She said, “Do you watch TV?” ==> She asked (me) if I
watched TV.
[เปลี่ยน said เป็น
asked เนื่องจากในประโยคคำพูดเป็นการถามเรา]
ในตอนต่อไป ซึงผมคิดว่าจะเป็นตอนสุดท้ายของ series
สรุป Grammar ภาษาอังกฤษแบบกระชับสุดๆ แล้ว
จะเป็นการเก็บตก grammar ในเรื่อต่างๆ เช่น เช่น วลีที่เจอบ่อยๆ กันครับ
11.1 หน้าที่ของ adjective Clauses
adjective clause ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนามที่มาข้างหน้า
โดยอาจใช้ชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้าหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามที่มาข้างหน้า
The snake which is lying near the
horse stable has killed the cow.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า which is lying near the horse stable เป็น
adjective clause ซึ่งทำหน้าที่ขยายคำนาม
the snake ในประโยคหลัก
The snake has killed the
cow. โดย adjective clause นี้ชี้เฉพาะว่า งูตัวไหนที่ทำให้วัวตาย
Mrs. Jones, who lives next door, has
just donated her blood to the Red Cross.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า who lives next door เป็น
adjective clause ซึ่งทำหน้าที่ขยายคำนาม
Mrs. Jones ในประโยคหลัก
Mrs. Jones has just
donated her blood to the Red Cross. โดย adjective clause นี้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mrs. Jones ว่าอาศัยอยู่บ้านหลังถัดไป
11.3 ประเภทของ adjective Clauses
adjective clause แบ่งเป็น
3
ประเภท ได้แก่
11.3.1 Defining Clause (บางตำราเรียก
restrictive clause)
11.3.2 Non-defining Clause (บางตำราเรียก
non-restrictive clause)
11.3.3 Sentential Relative Clause (บางตำราเรียก
connective relative
clause)
11.3.1 Defining Clause
ใช้ชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า
ว่าเป็นคนไหน สิ่งไหน อันไหน ไม่ใช้เครื่องหมายใด ๆ
คั่นระหว่างคำนามกับ adjective
clause ที่ตามมา
A letter which was in a
pink envelope was one seeking for a donation to
conserve wildlife.
The group of foreigners
who visited our university was from Hawaii.
11.3.2 Non-defining Clause
ใช้ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามที่มาข้างหน้า โดยมีเครื่องหมาย comma (,) คั่น
ระหว่างคำนามกับ adjective
clause ที่ตามมา
His house, which is on
Sukhumvit Road, is a two-storey house.
His wife, who teaches
English at NIDA, got a Ph.D. from the USA.
ข้อสังเกต
1. ความแตกต่างของความหมายระหว่าง defining clause และ
non-defining clause
จงอ่านประโยคคู่ต่อไปนี้
a. My son who is working
at NIDA earned a Ph.D from the USA.
ประโยค a. สื่อความหมายว่า ฉันมีลูกชายมากกว่าหนึ่งคน
และมีอยู่คนหนึ่งที่ทำงานที่ NIDA
b. My son, who is
working at NIDA, earned a Ph.D from the USA.
ส่วนประโยค
b. หมายความว่า ฉันมีลูกชายเพียงคนเดียว และลูกคนนี้ทำงานที่ NIDA
c. Somsiri, who has
long hair, is absent today.
ส่วนประโยค c. สื่อความหมายว่า มีคนชื่อ
สมสิริเพียงคนเดียวในกลุ่มซึ่งทุกคนรู้ว่าเป็นใคร
การบอกว่า เธอมีผมยาวเป็นเพียงการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น
d. Somsiri who has
long hair is absent today.
ส่วนประโยค d. มี adjective clause มาชี้เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า
ในกรณีนี้สื่อความหมายว่า มีคนชื่อ สมสิริ มากกว่าหนึ่งคนในกลุ่ม แต่คนที่ไม่มาคือ คนผมยาว
2. การใช้ non-defining clause สามารถใช้ได้กับคำนามทั่วไป (common noun)
ที่ในบริบทได้มีการชี้เฉพาะก่อนหน้าประโยคนี้
Captain Boa is making an
announcement to his passengers. The
captain, who is 40
years old, graduated from France.
ประโยคแรกมีการกล่าวถึง Captain Boa ครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงกัปตันอีกครั้งในประโยคที่สอง จึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นกัปตันคนเดิม adjective clause ที่มาขยาย the captain ในประโยคที่สองจึงเป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมของกัปตันผู้นี้
ไม่ใช่การชี้เฉพาะว่าเป็นกัปตันคนใด
3. ห้ามใช้ that ใน non-defining clause
4. ไม่มีการละคำเชื่อมใน
non-defining clause
11.3.3 Sentential Relative Clause
ใช้ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งข้อความ
ไม่ใช่เฉพาะคำนามที่มาข้างหน้า และจะใช้
which นำหน้าเท่านั้นโดยมีเครื่องหมาย
comma คั่นจาก
main clause ที่มาข้างหน้า
Jane gave him a smile, which
surprised him a great deal.
which
surprised him a great deal เป็น adjective clause ขยายความใน main clause คือ
Jane gave him a smile. ประโยคนี้หมายความว่า
เจนยิ้มให้เขา ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมาก
Jim got more money than
other members in the team, which is not fair.
which is not
fair เป็น adjective clause ขยายความใน main clause คือ
Jim got more money than
other members in the team. ประโยคนี้หมายความว่า
จิมได้รับเงินมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม ซึ่งไม่ยุติธรรม
ทั้งนี้
ไม่มีการละคำนำหน้า/คำเชื่อมใน sentential
relative clause
http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module11/content/content03.html
11.2 คำนำหน้า adjective clauses
adjective clause จะมี
relative pronoun หรือ
relative adverb นำมาข้างหน้า
ดังนั้น adjective clause จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “relative clause”
11.2.1
คำที่ใช้เชื่อม adjective
clause กับคำนามหรือสรรพนามที่มาข้างหน้ามีดังนี้
1)
Relative
Pronouns
who,
whom, whose ใช้แทนคน
which ใช้แทนสัตว์และสิ่งของ
that ใช้แทนได้ทั้ง
คน สัตว์ และสิ่งของ
2)
Relative
Adverbs
where ใช้แทนสถานที่
when
ใช้แทนเวลา
why ใช้แทนเหตุผล
ต่อไปนี้จะใช้เครื่องหมาย
สีและการขีดเส้นใต้แสดงให้เห็นว่า adjective clause ที่นำหน้าด้วยคำเชื่อมเหล่านี้ทำหน้าที่ขยายคำนามใดในประโยค
เช่น
The
snake which is lying near the horse stable has killed the cow.
แสดงว่า which is
lying near the horse stable (ซึ่งนอนอยู่ใกล้คอกม้า) ขยายคำนาม snake เพื่อระบุว่าเป็นงูตัวใดที่ฆ่าวัว
11.2.2
การใช้คำนำหน้า adjective
clause มีหลักดังนี้
1) Relative Pronouns
who, whom,
whose ใช้แทนคำนามข้างหน้าที่เป็นคน
who ใช้เป็นประธานของคำกริยาใน adjective clause
The manager who gives
his workers democratic supervision is popular.
The government will
give assistance to the garment workers who were laid off.
whom ใช้เป็นกรรมของคำกริยาหรือคำบุพบทใน adjective clauseใช้แทนเหตุผล
A secretary whom the
company has just employed graduated from
an open
university.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า whom เป็นกรรมของกริยา
has just employed ใน adjective clause ซึ่งทำหน้าที่ขยายคำนาม
a secretary ในประโยคหลัก
A secretary graduated
from an open university. ในที่นี้ หมายความว่า
เลขานุการคนที่บริษัทเพิ่งจ้างจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเปิด
The students to whom
the teacher gave grade A were very delighted.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า whom เป็นกรรมของบุพบท
to ใน adjective clause ซึ่งทำหน้าที่ขยายคำนาม
the students ในประโยคหลัก
The students were
delighted. ในที่นี้ หมายความว่า
นักศึกษาพวกที่อาจารย์ให้เกรดเอ ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
whose ใช้แสดงความเป็นเจ้าของระหว่างคำนามที่มาข้างหน้าและคำนามที่อยู่ข้างหลัง
whose
The movie director
whose son was ordained yesterday is seriously ill.
The 26-year-old woman
whose car was not working called for help.
ปกติจะใช้ whose กับคำนามข้างหน้าที่เป็นคน แต่หากใช้อย่างไม่เป็นทางการ ก็สามารถใช้กับ
สัตว์หรือสิ่งของได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักใช้กับชื่อประเทศหรือเรือเดินสมุทร
Thailand, whose trade
volume has been increasing, has been affected by
the political unrest.
which ใช้แทนคำนามข้างหน้าที่เป็นสัตว์และสิ่งของ
โดยทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมใน
adjective clause
The car which is
parked there was stolen from the neighborhood nearby.
The dog which she is
raising as a pet was a homeless dog.
that ใช้แทนได้ทั้งคน สัตว์
และสิ่งของ โดยทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของคำกริยาใน
adjective clause โดยปกตินิยมใช้ that เมื่อคำนามที่อยู่ข้างหน้ามีคำคุณศัพท์แสดงการเปรียบเทียบ
ขั้นสูงสุดหรือคำคุณศัพท์บอกลำดับที่มาขยายคำนามนั้น
Mr. Williams was the
first English speaker that taught our class.
Suda is the most
lenient teacher that I have ever seen.
ข้อสังเกต
1. adjective clause ที่นำหน้าด้วย that และ
that นั้นทำหน้าที่เป็น
object of a preposition
จะต้องไม่ใช้คำบุพบทหน้า that แต่สามารถใช้คำบุพบทตามหลังคำที่ต้องใช้กับคำบุพบทนั้น
ภายใน adjective
clause ได้
The book that you are
talking about is missing from the library.
2. เมื่อใช้
that นำหน้า
adjective clause จะไม่ใช้เครื่องหมาย
comma (,) คั่นระหว่าง
adjective clause กับคำนามที่ขยาย
Bob is the athlete
that I admire most.
preposition + whom
preposition +
which
คำบุพบทสามารถวางไว้หน้า whom
และ which ได้หากทั้งสองคำทำหน้าที่
object of a preposition ใน adjective clause
The man in whom I have
most trust is my father.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกได้เป็น 2 ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. The man
is my father.
b. I have
most trust in him.
a. The man
is my father.
b. I have
most trust in him.
The man in
whom I have most trust is my father.
หรือ
The man whom
I have most trust in is my father..
Thailand is in a
situation in which it is essential to have unity.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกได้เป็น
2
ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. Thailand
is in a situation.
b. It is
essential to have unity
in this situation.
a. Thailand
is in a situation.
b. It is
essential to have unity in this situation.
Thailand is
in a situation in which it is essential to
have unity.
2) Relative Adverbs
where ใช้แทนคำนามที่บอกสถานที่ ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ใน adjective clause
(มาจาก
preposition + which)
The university where
my brother is studying is on the next street.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกได้เป็น 2 ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. The
university is on
the next street.
b. My
brother is studying
at the university.
a. The
university is on the next street.
b. My
brother is studying at the university.
The
university which my brother is studying at is on the next street.
The
university at which my brother is studying is on the next street.
The
university where my brother is studying is on the next street.
The factory where he
works is far from the city.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกได้เป็น 2 ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. The
factory is far from
the city.
b. He works
at the factory.
a. The
factory is far from the city.
b. He works
at the factory.
The factory
which he works at is far from the city.
The factory
at which he works is far from the city.
The factory
where he works is far from the city.
when ใช้แทนคำนามที่บอกเวลาซึ่งทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ใน
adjective clause
It was in March 2010
when the red-shirted people started their rally.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกได้เป็น 2 ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. It was in
March 2010.
b. The
red-shirted people
started their rally in
March 2010.
a. It was in
March 2010.
b. The
red-shirted people started their rally in March 2010.
It was in
March 2010 in which the red-shirted people started their rally.
It was in
March 2010 when the red-shirted people started their rally.
It’s 5 o’clock when
the meeting will begin today.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกเป็น 2 ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. It’s 5
o’clock.
b. The
meeting will begin
at 5 o’clock today.
a. It’s 5
o’clock.
b. The
meeting will begin at 5 o’clock today.
It’s 5
o’clock at which the meeting will begin today.
It’s 5
o’clock when the meeting will begin today.
why ใช้แทนคำนามที่บอกเหตุผล
ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ใน adjective
clause
Give me a reason why
you don’t like the Prime Minister.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกเป็น
2
ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. Give me a
reason.
b. You don’t
like the Prime
Minister for this reason.
a. Give me a
reason.
b. You don’t
like the Prime Minister for this reason.
Give me a
reason for which you don’t like the Prime Minister.
Give me a
reason why you don’t like the Prime Minister.
I know some reasons
why few people have supported him.
ประโยคตัวอย่างสามารถแยกเป็น
2
ประโยคย่อยและนำมารวมกันได้ดังนี้
a. Few
people have
supported him.
b. I know
some reasons
for this.
a. Few
people have supported him.
b. I know
some reasons for this.
I know some
reasons for which few people have supported him.
I know some
reasons why few people have supported him.
11.4 การละคำนำหน้าใน adjective clauses
คำนำหน้า/คำเชื่อม who, whom, which, that ใน adjective clause สามารถละได้ในกรณีต่อไปนี้
11.4.1
เมื่อทำหน้าที่เป็น direct
object ใน defining clause
The dress (which) I like
is now on sale.
which ทำหน้าที่
เป็นกรรมของกริยา like ใน adjective clause ที่มา
ขยายคำนาม the dress ใน main clause คือ
The dress is now on
sale. ประโยคนี้หมายความว่า
ชุด(ที่)ฉันชอบตอนนี้อยู่ในช่วงลดราคา
The person (that) we
admire most is General Pathompong.
that ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา
admire most ใน adjective clause ที่มาขยายคำนาม
the personใน main clause คือ
The person is General
Pathompong. ประโยคนี้หมายความว่า
บุคคล(ที่)ฉันชื่นชมมากที่สุด คือ พลเอกปฐมพงษ์
11.4.2
เมื่อทำหน้าที่เป็น object
of a preposition ใน defining clause
The person with whom I
talked about my study problem is a new director of
the school.
whom ทำหน้าที่
เป็นกรรมของบุพบท with ใน adjective clause ที่มาขยายคำนาม
the personใน main clause คือ
The person is a new
director of the school. ประโยคนี้หมายความว่า
บุคคล(ที่)ฉันคุยเรื่องปัญหาการเรียนด้วย คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่ จึงละคำ whom ได้
โดยเมื่อละ whom แล้ว
บุพบท with ต้องอยู่ท้าย
adjective clause นั้น
ดังนี้
The person (whom) I talked
about my study problem with is a new director of
the school.
11.5 การลดรูป adjective clause
คำนำหน้า “who”,
“which” และ “that” ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ adjective clause สามารถลดรูปเป็นกลุ่มคำต่าง
ๆ ได้ โดยเมื่อลดรูปแล้วจะกลายเป็นกลุ่มคำนาม
ดังนี้
11.5.1 Appositive Noun Phrase
11.5.2 Prepositional Phrase
11.5.3 Infinitive Phrase
11.5.4 Participial Phrase
11.5.1 Appositive Noun Phrase
adjective clause ซึ่งมี
who, which และ
that เป็นประธาน
สามารถลดรูปได้
หากหลัง who,
which และ that มี BE และให้ตัด BE ออกด้วย เมื่อลดรูปแล้ว จะเป็นกลุ่มคำนาม
ที่เรียกว่า appositive
ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
Prof.
Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.
Prof.
Chakarin, who is my thesis adviser, will retire next year.
Prof.
Chakarin, my thesis adviser, will retire next year.
His novel,
which is entitled Behind the Picture, is very popular.
His novel,
which is entitled Behind the Picture, is very popular.
His novel,
Behind the Picture, is very popular.
11.5.2 Prepositional Phrase
adjective clause ที่มี
who, which และ
that เป็นประธาน
สามารถลดรูปได้ หากหลัง who,
which และ
that มีคำกริยาและบุพบท
ที่ถ้าตัดคำกริยาแล้วเหลือแต่บุพบท ยังมีความหมายเหมือนเดิม
ให้ตัดคำกริยาออกได้ เมื่อลดรูปแล้ว เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า prepositional phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
The lady who
is dressed in the national costume is a beauty queen.
The lady who
is dressed in the national costume is a beauty queen.
The lady in
the national costume is a beauty queen.
ในที่นี้ dressed in the national costume มีความหมายเหมือน
in the national costume
The football
player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football
player who came from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
The football
player from Brazil received a warm welcome from his fans in Thailand.
ในที่นี้ came from Brazil มีความหมายเหมือน from Brazil
11.5.3 Infinitive Phrase
adjective clause ที่มี
who, which และ
that สามารถลดรูปได้
หากข้างหลังมีกริยาในรูป
BE + infinitive with to เมื่อลดรูปแล้ว
เป็นกลุ่มคำนามที่เรียกว่า infinitive
phrase ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
He is the
first person who is to be blamed for the violence yesterday.
He is the
first person who is to be blamed for the violence yesterday.
He is the
first person to be blamed for the violence yesterday.
The
researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the
hypothesis.
The
researcher did not provide the specific statistics that can be used to test the
hypothesis.
The
researcher did not provide the specific statistics used to test the hypothesis.
The
researcher did not provide the specific statistics to test the hypothesis.
11.5.4 Participial Phrase
1) Present Participial
Phrase
adjective clause ซึ่งมี
who เป็นประธาน สามารถลดรูปได้ หากหลัง who มีกริยาแท้
ลดรูป
โดยตัด who และเปลี่ยนกริยาหลัง
who เป็น
present participle
(V-ing)
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
The school
students who visited the national museum were very excited.
The school
students who visited the national museum were very excited.
The school
students visiting the national museum were very excited.
The two
robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The two
robbers who had escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The two
robbers having escaped to Cambodia were arrested a week ago.
The
earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital
immediately.
The
earthquake victims who had been saved by the rescue team were sent to hospital
immediately.
The
earthquake victims having been saved by the rescue team were sent to hospital
immediately.
2) Past Participial Phrase
adjective clause ซึ่งมี
which และ
who เป็นประธาน
สามารถลดรูปได้ หากหลัง which
และ
who มีกริยาในรูป
passive form (BE + past
participle) ลดรูปโดยตัด which/who และ BE ออก
เหลือแต่ past
participle ดังนี้
ประโยคที่ใช้ adjective clause
วิธีการลดรูปเป็น appositive noun phrase
The money
which was lost during the trip was returned to its owner.
The money
which was lost during the trip was returned to its owner.
The money
lost during the trip was returned to its owner.
His father,
who was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.
His father,
who was sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.
His father,
sent by his company to New Zealand, developed lung cancer.
อย่างไรก็ตาม ทั้ง present participial phrase และ
past participial phrase สามารถ
ขยายนามโดยนำมาวางไว้หน้าคำนามได้ ดังนี้
Thailand is a country
which exports rice.
Thailand is a
rice-exporting country.
Passengers have to wait
for trains which come late.
Passengers have to wait
for late-coming trains.
This blouse which was made
by hand is very expensive.
This hand-made blouse is
very expensive.
The chairs which were slightly
damaged were sent for repair.
The slightly damage chairs
were sent for repair.
Present
Participle & Past Participle
Participle คอื
ค าทมี่รีปูเหมอืนค ากรยิา แตไ่มใ่ช่กรยิาแท ้เพราะไมไ่ดผ้ันรปูตาม tense/voice โดยส่วนใหญท่
าหนา้ทเี่หมอืน adjective.
1. Present
Participle (V.ing)
1.1
ใช้หลงั Verb to be ในประโยค
Continuous Tense
- They
are studying in the same university.
- She
is sleeping on the sofa.
ขอ้สังเกต Present Participle และ Gerund มรีปูเหมอืนกันคอื V.ing ตา่งกันเพยีงวา่
ถา้นามท ี่ V.ing ไปขยายนัน้สามารถกระท
าหรอืแสดงกรยิานัน้ไดเ้องโดยไมต่อ้งใหผ้อู้นื่มาแสดงให ้V.ing ตัว
นัน้เป็น Present
Participle แตถ่า้นามท ี่V.ing ไปขยายนัน้ไมส่ามารถกระท าหรอืแสดงอาการของ
กรยิานัน้เองได้ V.ing ตัวนัน้เป็น
Gerund
- She is
cleaning the house. (Present Participle) - Her duty is cleaning the house.
(Gerund)
1.2
ใช้เป็น adjective ขยาย
noun ความหมายเป็น
Active Voice
- She
is afraid of the barking dog.
- The
daily news is disappointing.
1.3
เป็นการลดรปู ของ Adjective
Clause : ใช้เมอื่คนหรอืสัตวห์รอืสิ่งอนื่ๆกระท าเอง (Active Voice)
- Do
you know the woman who talks to Jenny.
= Do
you know the woman talking to Jenny.
- I was
woken up by a siren which is going off.
= I was woken up by a siren going off.
1.4
เป็นการรวม 2
ประโยคดว้ยกนั หรอืลดรปูมาจาก Adverb
Clause
- I do
well in class. I am a poor sport player.
-
Though I do well in class, I am a poor sport player.
= Doing
well in class, I am a poor sport player.
ขอ้สังเกตเกยี่วกบัการใช้ Present Participle
1. ใช้กับเหตกุารณ์สองอยา่งที่เกดิขึ้นพรอ้มกนั
- Tom is in
the kitchen making coffee.
2. ใช้เมอื่มเีหตกุารณ์หนงึ่เกดิขึ้นระหวา่งทกี่า
ลงัท ากจิกรรมอยา่งใดอยา่งหนงึ่อยู่
- Owen
hurt his knee playing football.
= Owen
hurt his knee. Owen was playing football.
= Owen
was playing football when he hurt his knee.
1.5
ใช้ตามหลงั Verb of
perception : เพอื่ใหเ้ห็นภาพวา่ก าลังกระท าอยู่
- We
saw them walking across the street.
- I
noticed Susan walking under the tree in the garden.
2. Past
Participle (V.3)
2.1
ใช้ตามหลงั Verb to have ในประโยค
Perfect Tense
- She
has lived here for ten years.
2.2
ตามหลงั Verb to be เพอื่
ท าหนา้ ทเี่ ป็น Passive
Voice
- My
house was destroyed by the storm.
2.3
ใช้เป็น adjective ขยาย
noun ความหมายเป็น
Passive Voice
- The
stolen car has been found.
2.4
เป็นการลดรปู ของ Adjective
Clause : ใช้เมอื่คนหรอืสัตวห์รอืสิ่งอนื่ๆ ถกูกระท า (Passive Voice)
- The
police never found the money which was stolen in the robbery.
= The
police never found the money stolen in the robbery.
2.5
เป็นการลดรปู ของ Adverb
Clause หรอืรวมสองประโยคดว้ยกนั
- She
was punished by her teacher. She felt ashamed.
- When
she was punished by her teacher, she felt ashamed.
=
Punished by her teacher, she felt ashamed.
ระวงั! เราจะลดรปู 2 ประโยคเขา้ดว้ยกันใหเ้ป็น
Participle ไดก้็ตอ่เมอื่
ประธานใน 2 ประโยค
ยอ่ ย เป็นตวั เดยี วกนั เพราะรปู Participle
เป็นการละประธานออกไป จงึเป็นทเี่ขา้ใจวา่ subject ใน Participial Phrase ตอ้งเป็น
subject ตัวเดยีวกบั
Main Clause.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น