วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลง






ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลง




         
       การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาสื่อสารในสถานที่ต่างๆได้ตามสภาพความเป็นจริง  แนวทางหนึ่งที่น่าจะช่วยให้การสอนภาษาอังกฤษประสบผลสำเร็จ คือ การจัดการเรียนรู้บูรณการแบบสอดแทรก หรือแบบผู้สอนคนเดียว(InfusionInstruction) ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนรู้โดยกำหนดเรื่องต่างๆที่น่าสนใจและสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน การบูรณการการเรียนการสอน ช่วยให้ครูสามารถจัดหลักสูตรได้สอดคล้องกับความต้องการ โดยกำหนดเรื่องหลัก (Theme) หัวเรื่อง (Topic) และเนื้อหาย่อย (Content ) ที่สัมพันธ์กับเรื่องต่างๆและกลุ่มสาระอื่นๆ โดยบูรณการเนื้อหาภาษาให้สอดคล้องชีวิตจริงหรือสาระที่กำหนดขึ้นมา  ซึ่งเป็นการเรียนรู้ในลักษณะองค์รวมที่คลอบคลุมทั้งสาระการเรียนรู้  ทักษะกระบวนการ และคุณธรรมจริยธรรมที่พึงประสงค์  การเลือกเนื้อเรื่องจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น เทศกาลวันสำคัญต่างๆครูผู้สอนสามารถเชื่อมโยงสาระกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มสาระต่างๆ เช่น  การอ่าน การเขียน  การคิดคำนวณ  การคิดวิเคราะห์ต่างๆ ที่ทำให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะและกระบวนการเรียนรู้ไปแสวงหาความรู้ความจริงจากหัวเรื่องที่กำหนดการเรียนรู้แบบบูรณการควรมุ่งให้ผู้เรียนเป็นผู้ทำกิจกรรมจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย  เสริมการเรียนรู้ให้กว้างขวางด้วยการนำ การแสดงบทบาทสมมุติ เกม  เพลง  มาใช้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนาน และสอดแทรกคุณธรรม  จริยธรรมที่พึงประสงค์ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นการจัดการเรียนรู้บูรณการแบบสอดแทรก ยังให้ประโยชน์และคุณค่าต่อผู้เรียน  ทำให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้ความคิด ประสบการณ์ ความสามารถ และทักษะต่างๆในเวลาเดียวกันทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ  ในลักษณะองค์รวมซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ่ง เนื่องจากเป็นการเรียนรู้ที่ใกล้เคียงและสอดคล้องกับชีวิตช่วยลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาต่างๆ ซึ่งปัจจุบันความรู้มีมากมาย และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การเรียนรู้แบบสัมพันธ์วิชามีความสำคัญมากว่า และช่วยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นช่วยตอบสนองความสามารถของผู้เรียนในหลายด้าน  เช่น ภาษา  คณิตศาสตร์  ความคล่องแคล่วของร่างกายและความเคลื่อนไหว  ดนตรี  สังคม หรือ มนุษย์สัมพันธ์  และความรู้ความเข้าใจตนเอง


  กระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้น เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหม เพราะการหักโหมก็เสมือนเป็นการที่เราทำร้ายตัวเอง ลองคิดดูว่า ขนาดภาษาไทยเราสามารถเขียนได้ อ่านออก ก็ต้องใช้เวลา เรียนกันตั้งแต่ ก ข ค กันเลยที่เดียว ดังนั้น การเรียนภาษาอังกฤษภายใต้สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ สนทนากับเราเลย เราก็ต้องยิ่งเพิ่มความพยายาม โดยหมั่นฝึกอย่างต่อเนื่อง ฝึกวันละนิดแต่ต้องสม่ำเสมอ ไม่ว่าเราจะฝึกด้วยตัวเอง หรือ ไปเรียนภาษาแบบเสียงเงิน แน่นอนว่า หากขาดซึ่งความตั้งใจที่แน่วแน่ ก็อย่าไปเรียนให้มันเสียเงินเสียทองเลย เพราะมันจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ลงทุนไป การศึกษาภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในตำราเรียน ห้องเรียน แต่เราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว มาฝึกภาษาอังกฤษจากสิ่งใกล้ตัวเรา แนวทางหนึ่งที่จะทำให้ทุกท่านอยู่กับภาษาอังกฤษได้ทุกวัน ทุกเวลา คือ ฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลงสากลหรือเพลงภาษาอังกฤษ ผ่านหนัง ผ่านวิดีโอ หรือสื่อเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะการฟังเพลงจะช่วยเราได้อย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรียนมากมายให้กับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ไหน และสามารถเริ่มทำได้เองจากที่บ้านได้ทุกเวลา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลาของแต่ละบุคคลว่าจะใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนในแต่ละวันใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ เพราะวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี วิธีหนึ่งคือเรียนจากเพลง ในปัจจุบัน เราสามารถจะสืบค้นได้จากทั้งในเว็บไซต์ และหรือหนังสือต่างๆ  เพราะในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น ipod  ipad  มือถือ หรือเครื่องเล่น mp3 ในรูปแบบต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ไปแล้ว นอกจากเราจะได้ความผ่อนคลาย (Relaxation) และความบันเทิง (Entertainment) เราก็ยังสามารถใช้ประโยชน์กับสื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นโดยการประยุกต์การฟังเพลง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเราในการฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างไร การฝึกภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยาก เมื่อเราชอบเพลงไหนก็ไปหาเนื้อเพลงนั้นมาดู อ่านเนื้อเพลง อ่านคำแปลเพื่อจะได้เข้าใจความหมายของเพลงและได้ศัพท์ด้วย จากนั้นก็ฝึกร้องตาม เปิดฟังซ้ำๆ ฟังบ่อยๆ เหมือนการฟังเพลงในชีวิตประจำวัน พยายาม ร้องตามหรือออกเสียงตาม จนกระทั้งจะเกิดการจำเนื้อเพลงได้เอง ซึ่งเมื่อจำเนื้อเพลงได้เราจะนึกความหมายออก นี่แหละ เราจะจำคำศัพท์ได้โดยไม่ต้องท่อง ได้ทั้งศัพท์และทักษะการฟังไปพร้อมกัน ทุกอย่างจะซึมเข้าสมองเราจะจดจำเป็นแบบระยะยาวเลยละ เพียงเท่านี้ทักษะการฟังเราก็จะดีขึ้นเอง หากเราฟังเพลงสากลทุกวัน แล้วอ่านเนื้อเพลง อ่านความหมาย เราจะมีทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ได้ศัพท์ ได้สำเนียงการพูด โดยอัตโนมัติ และเป็นการเรียนรู้ที่สนุก ไม่น่าเบื่ออีกต่างหาก ได้ผลเกินคาดอย่างแน่นอน

             หลายๆคนชอบฟังเพลงฝรั่ง เวลาฟังวิทยุก็จะฟังคลื่นที่เปิดเพลงฝรั่งอยู่ตลอด แต่การสื่อสารภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยดี สาเหตุก็เพราะจริงๆแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้”ฟัง”เพลง เราเพียงแค่”ได้ยิน”เท่านั้นเอง เพราะการ “ฟัง” กับ “ได้ยิน” มันแตกต่างกันการได้ยิน” คือเสียงแค่ผ่านเข้าไปในหู แต่การ “ฟัง” เสียงไม่ใช่แค่ผ่านเข้าไปในหูแต่ต้องเข้าไปในสมองด้วย เพื่อให้เกิดการจดจำ

การศึกษาภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในตำราเรียน ห้องเรียน แต่เราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว มาฝึกภาษาอังกฤษจากสิ่งใกล้ตัวเรา แนวทางหนึ่งที่จะทำให้ทุกท่านอยู่กับภาษาอังกฤษได้ทุกวัน ทุกเวลา คือ ฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลงสากลหรือเพลงภาษาอังกฤษ ผ่านหนัง ผ่านวิดีโอ หรือสื่อเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะการฟังเพลงจะช่วยเราได้อย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น แท็บแล็ต มือถือ หรือเครื่องเล่น mp3 ในรูปแบบต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ไปแล้ว นอกจากเราจะได้ความผ่อนคลาย (Relaxation) และความบันเทิง (Entertainment) เราก็ยังสามารถใช้ประโยชน์กับสื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นโดยการประยุกต์การฟังเพลง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเราในการฝึกภาษาอังกฤษ

สำหรับวิธีฝึกภาษาอังกฤษผ่านการฟังเพลงนั้น เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการหาเนื้อร้อง (Lyrics) ของเพลงนั้นๆ โดยเพื่อนๆสามารถหาเนื้อร้องได้จากหลายๆวิธีด้วยกัน เช่น ค้นหาจาก www.google.com เพียงแค่พิมพ์ชื่อเพลง ชื่อนักร้อง และคำว่า “lyrics” เท่านี้เอง ก็จะพบกับลิงค์เว็บไซต์ต่างๆที่มีเนื้อเพลงเหล่านี้อยู่ เช่น เราต้องการหาเพลง take me to your heart  ก็ให้พิมพ์ keywords ลงไปว่า “ take me to your heart lyrics” หรือเราสามารถค้นหาจาก www.youtube.com ก็เป็นเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์อย่างดี เพราะสามารถได้ฟังเพลงไปพร้อมๆกับการดูเนื้อเพลง หรือบางวิดีโอก็อาจจะมีคำแปลเป็นภาษาไทยไว้ให้ด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะค้นหาแบบไหน ซึ่งการค้นหาก็ให้ใช้วิธีเดียวกับการค้นหาใน www.google.com คือการพิมพ์ว่าtake me to your heart lyrics”

              ส่วนสำหรับในเรื่องของการแปลเนื้อเพลง จะพิเศษกว่าปกติตรงที่บางครั้งเราอาจต้องใช้อารมณ์ศิลปินมาร่วม การใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ รวมทั้งต้องสังเกตหรือจับอารมณ์เพลงให้ดีๆ ถึงจะเข้าถึงเนื้อเพลงตามที่ผู้แต่งได้ประพันธ์ไว้ และนอกจากเราจะร้องเพลงตามได้แล้ว เรายังสามารถเข้าใจเนื้อเพลงที่ผู้แต่งสื่ออารมณ์ผ่านตัวหนังสือได้อย่างลึกซึ้งและถ่องแท้มากขึ้น ซึ่งวิธีการฟังเพลงภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพก็มีวิธีดังต่อไปนี้
เปิดหู      รอบๆ ตัวเรามีสื่อต่างๆ มากมายที่เราสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนภาษาอังกฤษได้ ทั้งเพลง หนัง ซีรี่ส์ ข่าว เจียดเวลาสักนิดในแต่ละวันเพื่อหาสิ่งที่คุณสนใจ ถ้าคุณชอบฟังเพลง ลองเลือกเพลงของศิลปินที่คุณชื่นชอบไว้ฟังเพื่อเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง แต่อย่าลืมว่า ถ้าสักแต่ฟังไปโดยไม่ได้เปิดหู คุณก็จะได้ยินแต่สิ่งเดิมๆ การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ ที่คุณถูกสอนมาในโรงเรียนโดยอาจจะเป็นวิธีออกเสียงที่ผิด ฉะนั้น อย่าเพียงแค่ฟัง แต่ต้องเปิดหูฟังว่าเจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไร การเปิดดิกชันนารีที่มีคำอ่านภาษาอังกฤษก็สามารถช่วยให้คุณอ่านออกเสียงตามได้ง่ายขึ้น

-   เปิดตา    หัดเป็นคนช่างสังเกต อย่าสักแต่ว่าอ่านแล้วเปิดดิกชันนารีเพื่อดูคำแปลของคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว เพราะการอ่านนั้นมีประโยชน์มากกว่าเพียงแค่การเรียนรู้คำศัพท์ หัดสังเกตรูปแบบประโยค โครงสร้างประโยค เพื่อเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไปในตัว เริ่มจากประโยคสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ สังเกตว่า คำนามอยู่ตรงไหน กิริยาอยู่ตรงไหน ทำไมกิริยาบางตัวเติม s บางตัวไม่เติม ทำไมกิริยาบางตัวเป็นรูปอดีต ปัจจุบัน อนาคต การอ่านข่าวภาษาอังกฤษแปลไทยเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทั้งคำศัพท์ภาษาอังกฤษและไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ควบคู่กัน

- เปิดปาก สำหรับคนที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษานั้น คุณจำเป็นที่จะต้องฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษและฝึกพูด สำหรับคนที่ไม่ได้มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติหรือสามารถจ่ายเงินเรียนคอร์สสอนภาษาโดยชาวต่างชาติได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะฝึกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลังจากคุณเปิดหูฟังเจ้าของภาษาออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องแล้ว ต้องเปิดปากเพื่อออกเสียงตาม (ในส่วนนี้อาจจะต้องอาศัยอินเนอร์ในระดับหนึ่ง จำไว้ว่าความอายหรือความเขินไม่ช่วยคุณ ณ จุดนี้) สำหรับคนที่ชอบฟังเพลง คุณสามารถร้องเพลงตามได้ (แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าร้องไปโดยออกเสียงแบบที่คุณมโนว่าถูกต้องเอง) สำหรับคนที่ชอบดูซีรี่ส์ฝรั่ง หัดพูดประโยคต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดจนคุณคิดว่าสำเนียงคุณเริ่มคล้ายเจ้าของภาษาเข้าไปทุกที

- stimulating songs เพลงช่วยให้คุณพัฒนาทักษะทางการฟังและการคิดอีกด้วย เมื่อคุณฟังเพลงภาษาอังกฤษคราวหน้า ลองหลับตาแล้วตั้งใจฟังเพลงนั้นให้ดี พยายามจับคำศัพท์ที่คุณรู้ความหมายหรือแม้แต่คำที่คุณไม่รู้หรือไม่แน่ใจ เสร็จแล้วเขียนลงในกระดาษ นำเอาเนื้อเพลง อารมณ์ของนักร้อง และทำนองของเสียงดนตรีมาประกอบในการจินตนาการของคุณว่าความหมายที่แท้จริงของเพลงนั้นเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม จงจำไว้อย่างหนึ่งว่าแม้แต่เจ้าของภาษาเองบางครั้งก็ยังฟังเนื้อไม่ทันโดยเฉพาะในเพลงที่มีท่วงทำนองเร็วๆ เพราะฉะนั้นอย่ากังวลมากไปถ้าคุณประสบปัญหาอย่างนั้นเหมือนกัน

- smoothing classics   ลองเปิดเพลงบรรเลง(classical music)ฟังในระหว่างที่คุณเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเสียงดนตรีจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายแถมยังช่วยให้คุณมีสมาธิดีขึ้นด้วย ถ้าเรามีสมาธิแน่วแน่ในระหว่างที่เราอ่านหนังสือ เราจะจำศัพท์ได้มากขึ้น นอกจากนี้เสียงเพลงบรรเลงจะช่วยกลบเสียงอื่นๆ รอบตัวคุณที่จะทำลายสมาธิของคุณหรือทำให้คุณรำคาญ

             คำแนะนำเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณสามารถเริ่มทำเองได้ตั้งแต่วันนี้ บทเรียนต่างๆ บนเว็บสอนภาษาอังกฤษฟรีนี้จะช่วยให้คุณสามารถ เปิดหู เปิดตา และเปิดปาก ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียสตางค์ และมีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแค่เลือกบทเรียนที่เหมาะกับพื้นฐานภาษาอังกฤษของเรา เรา ไม่ต้องทำทุกเพลงก็ได้ ทำเฉพาะเพลงโปรด เพลงที่ชอบก็โอเค ส่วนเพลงอื่นๆอย่างน้อยๆเราก็พยายามเปิดหูให้มากขึ้น ว่าเขาร้องว่าอะไร ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็พยายามฝึกฝนใหม่ให้บ่อยๆและสม่ำเสมอ ในการฝึกครั้งแรกเราจะต้องใช้ความพยายามมากหน่อย แต่เมื่อเราเริ่มฟังออกแล้ว ทุกอย่างจะง่ายมากขึ้น แล้วเราจะยิ่งสนุกไปกับภาษาอังกฤษอย่างไม่ต้องพยายามอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าให้เลือกฝึกภาษาอังกฤษโดยการดูหนังกับการฟังเพลง การดูหนังจะได้ประโยชน์และมีสาระมากกว่าเพราะการฟังเพลง เพลงบางเพลงจะเขียนเนื้อเพลงผิดไวยากรณ์ เพื่อให้ร้องได้ตรงกับจังหวะ รวมทั้งการออกเสียง การวางเสียงสูงเสียงต่ำหรือ Intonation ก็จะไม่ได้เหมือนที่เราใช้พูดจริง แต่เป็นการปรับโทนเสียงให้เข้ากับ Melody ของเพลงมากกว่า

            การสอนเป็นบทบาทหน้าที่ของครูอาจารย์ แต่ไม่ใช่ว่าการสอนทุกครั้งของอาจารย์ จะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ ได้ตามความคาดหวังของผู้สอน เพราะเรื่องการเรียนเป็นบทบาทหน้าที่ของนักศึกษา ถ้านักศึกษาไม่อยากเรียน ไม่สนใจ ต่อให้อาจารย์สอนจนเหนื่อยตาย ก็ไม่สามารถทำให้นักศึกษาเรียนวิชาที่สอนได้ดั่งใจของอาจารย์ การเรียนภาษาอังกฤษในโลกปัจจุบัน ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญทั้งในชีวิตการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยหลายๆ คน ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวและมักจะหลีกเลี่ยงการต้องพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติหรือการพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะขาดความมั่นใจและทักษะ บางคนกังวลว่าสำเนียงไม่ดี ไวยากรณ์และโครงสร้างทางด้านภาษาก็ไม่ได้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะฝึกพูด

              เมื่อพูดถึงวิชา "ภาษาอังกฤษ" จัดว่าเป็นวิชาที่ยาก และน่าเบื่อ " สำหรับนักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก เวลาอยู่ในห้องเรียน มักสังเกตว่ามีนักศึกษาแอบหลับ หรือ มองออกนอกหน้าต่าง หรือหาอย่างอื่นขึ้นมาเขียน สิ่งเหล่านี้ เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้สอน ต้องกลับมานั่งทบทวนว่า เทคนิคการสอนของตนไม่น่าสนใจ จนทำให้นักศึกษาไม่อยากเรียนหรือเปล่า แต่ถ้าผู้สอนมั่นใจว่า เทคนิคการสอนของตนไม่เป็นรองใครแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องตระหนักแล้วว่า กำลังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า นั่นคือ จะทำอย่างไรดี จึงจะเรียกคะแนนความสนใจจากนักศึกษาลับมาได้ วิธีที่สามารถดึงความสนใจผู้เรียนอย่างได้ผลก็คือ การเอาภาษาอังกฤษเข้ามาเสริมจากสิ่งที่ผู้เรียนมีความสนใจอยู่แล้ว ทำให้ได้ความสนุกเพลิดเพลิน จนเกิดการเรียนรู้ไปเองโดยไม่อยากหยุดเรียน วิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์วิธีหนึ่งคือ การนำเอาเพลงเข้ามาเป็นสื่อการเรียนการสอน นอกจากจะสามารถสร้างความสนใจได้แล้ว ประโยชน์อีกอย่างที่จะได้รับจากการเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงคือ ผู้เรียนจะได้เก็บเกี่ยวความรู้ด้านวัฒนธรรมตะวันตก โดยไม่ต้องลงทุนเดินทางไปยังต่างประเทศเอง จะเห็นว่าวัยรุ่นไทย ส่วนใหญ่เริ่มชอบฟังเพลงสากลมากขึ้น ซึ่งเพลงสากลเองก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่แตกต่างไปจากเพลงไทยเรา ส่วนจะฟังรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ความสนใจเป็นทุนเดิม ผสมกับการฝึกฝนเพิ่มเติม วิธีฝึกอาจจะมีหลายระดับ ผู้เรียนเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่า ตนเองกำลังอยู่ในระดับใด ขอเปรีบบเทียบวิธีการเรียนและฝึกภาษาอังกฤษกับสิ่งใกล้ตัวคือระดับการศึกษา เริ่มจากระดับประถม เป็นการเรียนจากเพลงช้า ๆ ฟังง่ายใช้ศัพท์ไม่ยาก เช่น เพลงเด็ก หรือเพลงประกอบการ์ตูน เช่น เพลงประกอบการ์ตูน Old MacDonald had a farm. ผู้เขียนใช้การบรรยายลักษณะเสียงสัตว์แต่ละชนิดว่าจะส่งเสียงร้องอย่างไร เช่น เป็ด จะร้องว่า quack quack  วัวร้องว่า moo moo และหมูจะร้องว่า oink oink และเสียงสัตว์อื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ครูผู้สอนหรือผู้ปกครองจะเพิ่มเติมเสริมใส่ลงไปในเพลงเพื่อให้เด็กได้เกิดมโนภาพเสียงของสัตว์นานาชนิด ที่แต่ละชนิดจะมีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกับเสียงร้องที่เด็กๆได้ยินจริงในชีวิตประจำ เพราะเสียงสัตว์ในภาษาอังกฤษจะไม่ได้ออกเสียงเหมือนกับเสียงสัตว์ในประเทศไทยบ้าน เช่น เป็ด ประเทศไทยเราจะร้องว่า ก๊าบ ก๊าบ  วัวก็จะร้องว่า มอ มอ และหมูก็จะร้องว่า อู๊ด อู๊ด เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ครูผู้สอนและผู้ปกครองสามารถนำมาสอน เพื่อให้เด็กเกิดการคิดวิเคราะห์และสามารถถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่เพื่อนได้                 

         เมื่อเริ่มมีความมั่นใจระดับหนึ่งแล้ว ก็เข้าสู่ระดับมัธยม เป็นการเรียนจากเพลงที่มี เนื้อหา ความหมาย และ ศัพท์ที่ยากขึ้น เช่น เพลง pop ลองมาเริ่มฝึกอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งนำมาจากท่อนหนึ่ง ในเพลง  pretty boy ของ M2M ซึ่งเป็นเพลงที่ดังและคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินหรือร้องตามไม่ได้ เพลงนี้ทำนองจะช้า เนื้อเพลงฟังง่าย และง่ายสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษจากการฟังเพลง และเมื่อเริ่มเข้าใจมากขึ้น ก็สามารถเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย ด้วยการเรียนจากเพลงที่ต้องอาศัยความเข้าใจ และ การตีความ ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น เพลง pop เพลง classic เพลง rock ยุคใหม่ ๆ ที่มีจังหวะเร็วขึ้น ลองดูอีกสักหนึ่งตัวอย่าง ที่เป็นเพลงที่ต้องอาศัย ความเข้าใจในความหมายของคำและการใช้คำที่ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งคำบางคำ ส่วนใหญ่มักจะเป็นภาษาพูดที่เป็นภาษาที่เขาใช้สื่อสารกันจริงๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งคำเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเราเป็นอย่างมาก เพราะการที่ไวยากรณ์และโครงสร้างทางภาษาจะต้องถูกเป๊ะๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรในชีวิตจริง เพราะการสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพ ผู้ส่งสารและผู้รับสารจะต้องเข้าใจถูกต้องเหมือนกัน สารนั้นจึงจะเป็นสารที่ดี แต่ถ้าหากผู้ส่งสารสื่อสารแล้วทำให้ผู้รับสารไม่เข้าใจหรือทำให้เข้าใจแบบผิดๆ ก็จะทำให้การสื่อครั้งนั้นล้มเหลวได้

             บางครั้ง เราจะสังเกตว่านักประพันธ์เพลงหลาย ๆ คน ใช้การเปรียบเปรย เข้ามาช่วยสร้างอรรถรถของเพลง ให้น่าฟังขึ้น ไพเราะขึ้น และมีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้น ดังนั้น ถ้าจะฝึกจริงจัง การฝึกด้วยการฟังเพลงอาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์มากนัก แต่สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้ว แทนที่จะฟังเพื่อผ่อนคลายเฉยๆ ก็ลองมาฝึกแบบจริงจังขึ้นอีกนิด นอกจากจะใช้ฟังเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว ภาษาอังกฤษของเราก็ยังดีขึ้นด้วยทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ ที่สามารถทำได้ไม่ว่าผู้เรียนจะอยู่ที่ไหน แต่ต้องไม่ลืมว่า ภาษาอังกฤษสามารถเรียนรู้ได้ พร้อม ๆ กับความสนุกเพลิดเพลิน เมื่อรู้เทคนิคเช่นนี้ ใครจะนำไปประยุกต์ใช้กับ การดูหนัง ดูละคร ก็ไม่ว่ากัน แล้วจะพบว่า ภาษาอังกฤษไม่ใช่วิชาที่ยากและน่าเบื่ออีกต่อไป .






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น