กลยุทธ์ในการเรียนภาษา
ในยุคภาษาอังกฤษกำลังเฟื่องฟู
จึงทำให้มีการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวร่วม
ซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น โรงเรียนสอนสองภาษา และโปรแกรมอินเตอร์
โดยใช้ภาษาอังกฤษล้วนในการเรียนการสอน
เพราะยิ่งสอนวิชาอื่นๆเป็นภาษาอังกฤษมากเท่าไหร่ ผู้เรียนก็จะยิ่งเก่งและเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีและเร็วขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษผ่านทางเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ
เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต
ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ฝึกเรียนภาษาอังกฤษได้อีกด้วย การเรียนภาษาจะแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆ
เพราะต้องอาศัยความรู้และทักษะ ซึ่งสองด้านนี้จะควบคู่กันไป
หากขาดด้านใดด้านหนึ่งไป ผู้เรียนก็จะไม่สามารถใช้ภาษาได้ ดังนั้นผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในภาษาอย่างลึกซึ้ง
และทักษะที่เกิดจากการฝึกฝน เช่นการฝึกพูด ฝึกอ่าน ฝึกเขียนและฝึกท่องคำศัพท์
ในความคิดของดิฉัน ดิฉันคิดว่าโดยปัจจุบันนี้
เด็กไทยยังอ่อนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก
และยิ่งตอนนี้ก็ใกล้จะสู่ประชาคมอาเซียนที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ในการติดต่อสื่อสาร
ซึ่งหลายหน่วยงานเหมือนจะโยนหน้าที่เหล่านั้นมาให้ครูที่ทำหน้าที่ในการสอนดังนั้นจึงกลายเป็นปัญหาการเรียนเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งคนส่วนใหญ่
มักจะมุ่งสาเหตุไปที่ปัจจัยภายนอกตัวผู้เรียน เช่น
โทษครูผู้สอนว่าขาดความรู้ความสามารถ โทษตำรา สื่อการสอน
การจัดการศึกษาว่าขาดคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น
เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ ผู้เรียนภาษาอังกฤษจึงควรปรับปรุงความคิดเสียใหม่ให้เป็นความคิดในแง่บวก
คือ แทนที่จะมองข้อเสียหรือปัจจัยเชิงลบดังกล่าวมาข้างต้นจนเกิดความท้อแท้
ควรจะมองหาข้อดีหรือประโยชน์ที่เป็นเชิงบวกให้มากที่สุด
เพื่อเป็นกำลังให้ตัวเองในการฝึกและเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีความสุข
ผู้เรียนจะต้องฝึกฝนโดยพึ่งตัวเองให้มากขึ้นซึ่งความประสบความสำเร็จนั้นจะต้องมีการวางแผนและกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
หรืออาจจะยืดหยุ่นได้ตามเวลาที่เหมาะสมแต่จะต้องมีความสม่ำเสมอ ซึ่งมีขั้นตอนสำคัญ
โดยเริ่มจากการกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย เช่น ภายใน 3
สามารถอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ได้หรือฝึกการฟังจากหนังฝรั่ง ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้ทั้งการออกเสียง
คำศัพท์ที่เป็นภาษาพูด ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ได้จริงๆ รวมทั้งวัฒนธรรมและวันสำคัญต่างๆ ทั้งนี้จะต้องคำนึงความรู้พื้นฐาน
ความถนัดและการจัดสรรเวลาให้เหมาะสมด้วย การรู้จักเตรียมและแสวงหาความรู้ที่เอื้อต่อการฝึกทักษะของตนเอง
เช่น หนังสือพิมพ์รายวันหรือนิตยสารรายสัปดาห์ เพื่อฝึกอ่านข่าวและบทความซึ่งนอกจากทำให้เราฝึกทักษะการอ่านแล้วยังทำให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์ สำนวนใหม่ๆ
หรือโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่สามารถต่อยอดทางความคิดในห้องได้อีกด้วย
การพัฒนากลยุทธ์ในการเรียนภาษามี 10 ประการ ได้แก่ ศึกษา(คำศัพท์ ไวยากรณ์
และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา) ฝึกฝน(การฝึกซ้ำๆ)
สังเกต(คำศัพท์ ไวยากรณ์และสำนวนต่างๆ) จดจำ(ท่องจำ)
เลียนแบบ(เลียนแบบตามสภาพสังคม) ดักแปลง(ดัดแปลงให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ)
วิเคราะห์ ค้นคว้า(พจนานุกรมภาษาอังกฤษ) ใช้งาน(ทดสอบเพื่อทำให้รู้จุดอ่อนจุดแข็ง)
ปรับปรุง(เรียนรู้ข้อผิดพลาดเพื่อนำมาแก้ไข)
ดังนั้นภาษาจึงมีความสำคัญและจำเป็นกับคนเราเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้
เพราะไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร เราก็มักจะเจอภาษาอังกฤษบ่อยขึ้น
รวมทั้งด้านการศึกษาที่ได้มีการจัดการเรียนการสอนโดยภาษาอังกฤษมากขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกการสื่อสารกับเจ้าของภาษาจริงๆ นอกจากนี้ ผู้เรียนยังสามารถเรียนรู้ภาษาได้หลายช่องทางที่นอกเหนือจากห้องเรียน
เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และอินเตอร์เน็ต
ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุดและทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเรียนรู้ได้เช่นกันเพราะการที่ผู้เรียนจะเก่งภาษาได้นั้น
ผู้เรียนจะมีสองด้าน ด้านแรกคือความรู้ทางภาษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไวยากรณ์ คำศัพท์
รวมทั้งสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เพราะจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจภาษายิ่งขึ้น
และด้านที่สองคือทักษะ ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติในทักษะต่างๆ เช่น การพูด ฟัง อ่าน
เขียน เป็น เพราะทั้งสองด้านนี้ผู้เรียนจะต้องทำควบคู่กัน
หากผู้เรียนขาดความรู้แต่ฝึกฝน ก็ไม่มีวันประสบผลสำเร็จ ดังนั้นจึงต้องทำควบคู่กัน
เพราะในปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญของภาษามากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะด้านการศึกษา จึงทำให้เกิดการวิจารณ์ต่างๆนานา ซึ่งในความคิดของดิฉัน
อาจจะจริงบ้างหรืออาจจะไม่จริงบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆสิ่งมารวมกัน
แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดของระบบการเรียนรู้ก็คือ ผู้เรียน ครูผู้สอน และหลักสูตร
หากทั้งสามปัจจัยคล้อยตามกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ทุกอย่างก็จะขับเคลื่อนไปในการที่ดี ระบบการศึกษาก็จะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆจนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะอยู่อย่างมีความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น