การฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลก
ใครรู้ภาษาอังกฤษก็สามารถลุยได้ทั่วโลก ทั้งการต่อยอดการศึกษา
การทำงานและการทำการค้า สำหรับในประเทศไทยเป็นที่รู้กันอยู่ว่าภาษาอังกฤษเพิ่มโอกาสการได้รับเข้าทำงาน
เท่านั้นไม่พอ ความรู้ภาษาอังกฤษช่วยให้ได้งานดีเงินเดือนสูงสูง
งานฝ่ายขายต่างประเทศ งานจัดซื้อต่างประเทศ งานเหล่านี้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 20,000-50,000
บาททั้งสิ้น ส่วนการค้า ใครได้ภาษาค้าขายกับฝรั่ง ทำส่งออก
หรือถ้าจะทำงานบริการก็รับจ้าง รับเขียน รับแปล งานกับฝรั่งก็ได้เงินเยอะมาก เพราะฉะนั้นคนที่มีสามารถทางด้านภาษาจึงได้เปรียบกว่าคนอื่น
เพราะไม่ว่าจะหยิบหรือจะจับอะไร
ความสามารถนี้ก็สามารถให้เราไม่อดตายแถมยังมีเงินเหลือใช้เหลือเฟือ บางคนก็ได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวรอบโลกจากที่เป็นคนไม่เคยไปไหน
ดังนั้นผู้คนสำจำนวนมากจึงหันมาฝึกฝนและเรียนรู้ภาษาอังกฤษกันมากขึ้น โดยการฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราทำความคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา
นอกจากนี้เราจะได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการพูดทั่วๆไปด้วย
สิ่งนี้หาได้ยากมากตามหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ
การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษด้วยตนเองจะเปิดโอกาสให้เราฝึกพูดตามไปด้วย
ต่างจากการดูหนังภาษาอังกฤษที่อาจมีการใช้คำยากๆ
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาดีพอ แทนที่จะได้ฝึกการฟังกลับต้องมาคอยเปิดพจนนุกรมภาษาอังกฤษหรือDictionary ตีความหมายเอาเอง เพราะการที่จะเก่งภาษาอังกฤษให้ได้เราต้องฟัง
“อย่างเข้าใจ” และ “อย่างต่อเนื่อง” ซึ่งการฟังอย่างเข้าใจและอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างไรเรามาดูวิธีได้เลย
v การฟังอย่างเข้าใจ –
ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็จะไม่เรียนรู้อะไรเลย
นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมดูข่าวภาษาอังกฤษมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เราไม่เข้าใจเพราะมันเร็วและยากเกินไปไงล่ะ
ถ้าไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ยากที่จะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดได้หลายคนพยายามฝืน
ฝึกฟังภาษาอังกฤษที่ยากและซับซ้อน ทำให้พัฒนาได้ช้าพอสมควร ดังนั้นหลักการสำคัญคือ
“ง่ายๆ” เข้าไว้ครับ จะเก่งเร็วกว่าเยอะเลย
ส่วนการฟังอย่างต่อเนื่อง – แค่เข้าใจไม่พอ
แต่ต้องฝึกฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องด้วย ลองคิดดูครับ
ถ้าเราได้ยินศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่แค่ครั้งเดียว ต้องลืมแน่ๆ ถึงฟังไป 5-10 ครั้งก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี
มันต้องผ่านหูนับครั้งไม่ถ้วนกว่าเราจะซึมซับจดจำ และเข้าใจได้ในทันทีที่ได้ยิน
ขั้นตอนในการฝึกฝน
1. ฟังรอบแรกรวดเดียวจบ
โดยไม่ดูบทความที่แนบมากับคลิปเสียง สูดหายใจลึกๆ หามุมที่นั่งสบายๆ ผ่อนคลาย
ไม่ต้องกังวลว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง
2. ฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม
3. ฟังและหยุดคลิปทุกๆ 5
วินาที ขณะที่หยุดนั้นให้เขียนคำหรือวลีอะไรก็ได้ที่คุณได้ยินออกมาให้ได้มากที่สุด
เมื่อฟังจบทั้งคลิปแล้ว ลองอ่านโน้ตย่อๆ ของเราดูว่า
เราพอจะจับคอนเซ็ปต์ได้หรือไม่ว่าในคลิปกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
การฝึกในเบื้องต้นเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกคำพูดค่ะ แค่พอเข้าใจคร่าวๆ
ก็ถือว่าโอเคแล้ว
4. ทำซ้ำแบบเดิมกับข้อ 3. แต่พยายามเติมคำศัพท์ลงไปให้มากขึ้น
และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ จากการเขียนครั้งแรก
5. เขียนเรียบเรียงข้อมูลให้เป็นประโยค
ลองใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์ปะติดปะต่อคำและวลีต่างๆ เข้าด้วยกัน
6. เก็บโน้ตย่อชิ้นแรกออกไป เริ่มฟังคลิปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ให้หยุดคลิปทุกๆ 10 วินาที
แล้วเขียนสิ่งที่ได้ยินออกมาเหมือนเดิม
จากนั้นลองนำมาเปรียบกับโน้ตย่อชิ้นเก่าดู
7. ฟังคลิปเสียงอีกครั้ง
โดยอ่านโน้ตย่อของตัวเองตามไปด้วย
8. เปรียบเทียบโน้ตย่อกับบทความจริงที่ถูกต้อง
ถ้าพบว่ามีคำผิดเยอะ ต้องลองวิเคราะห์ดูค่ะว่าปัญหาในการฟังของคุณเกิดจากอะไร
บางคนอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่รู้จักคำศัพท์
หรือมีปัญหากับเสียงหนัก เสียงเบา การเชื่อมคำ การรวบประโยค
ก็ต้องลองแก้ปัญหาเป็นจุดๆ ไป
9. ฟังคลิปอีกครั้งไปพร้อมๆ กับการอ่านบทความที่ถูกต้อง
เพื่อเช็คว่าตรงส่วนไหนบ้างที่คุณพลาดไป
จากนั้นลองกลับฟังรอบสุดท้ายแบบไม่อ่านโน้ตและบทความเลย
ซึ่งพอถึงขั้นตอนนี้คุณควรจะเข้าใจเรื่องราวในนั้นมากยิ่งขึ้นส่วนในการเลือกคลิปเสียง
ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจจะยิ่งกระตุ้นให้เราอยากฝึกฝนมากยิ่งขึ้นลองฝึกพูดประโยคที่สามารถใช้ได้บ่อยๆในชีวิตประจำวัน
การฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษ
ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น จากหนังสือแบบเรียน , youtube ,bbc หรือดาวน์โหลด
Applicationต่างๆ
ซึ่งสื่อเหล่านี้ได้ง่ายมาก หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่
พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม่จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม
เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหน เพราะฉะนั้นหากจะฝึกการฟังจะต้องฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ
และที่สำคัญต้องฝึกฟังอย่างต่อเนื่องด้วยนั่นเองยิ่งไปกว่านั้นต้องให้เวลาไปกับการฝึกอย่างจริงจัง
เพราะการเก่งภาษาอังกฤษมันไม่มีทางลัดภาษาอังกฤษต้องผ่านความยากลำบากมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะทักษะการฟังไม่สามารถพัฒนาขึ้นในชั่วข้ามคืน
ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนทำซ้ำๆอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
ฟังครั้งนึงไม่กี่นาทีแต่เน้นฝึกบ่อยๆ
จะได้ผลดีกว่าการฟังครั้งนึงเป็นชั่วโมงแต่ฝึกแค่สัปดาห์ละครั้ง การฟังบ่อยๆก็ช่วยให้เราคุ้นชินกับสำเนียง
ท่วงทำนอง ระดับสูงต่ำ ของภาษาได้ไปในตัว
ฟังไปนานๆมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเองและไม่ช้าเราจะจับคำพูดที่เราฟังได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป
ถ้าหากว่าเราเริ่มรู้สึกว่าทักษะของเราเริ่มมีการพัฒนาขึ้นแล้ว
ระหว่างฟังจะฝึกพูดไปด้วยก็จะดี เพราะการพูดตามจะทำให้เราโฟกัสและใจจดจ่อกับสิ่งที่ฟังมากขึ้น
และเป็นการรีเช็คให้มั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะระยะเวลาในการพัฒนาการฝึกทักษะของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน
บางคนอาจจะใช้เวลาเป็นเดือน หรือบางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ
ความมุ่งมั่น การขยันฝึกฝนและความเอาใจใส่ของแต่ละคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น